วันอังคารที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ศัตรูของเห็ดนางฟ้าและวิธีกำจัด

  ศัตรูของเห็ดนางฟ้าและวิธีกำจัด


1. หนูและแมลงสาบ : ทำลายตั้งแต่ระยะเชื้อและดอกเห็ด การกำจัดควรใช้ยาเบื่อหรือกาวดัก


2. ไร : จะระบาดเมื่อความชื้นต่ำ จึงไม่ควรปล่อยให้ความหมักหมมของก้อนเชื้อบริเวณโรงเพาะ การปราบควรเน้นเรื่องความสะอาดมากกว่าการใช้สารเคมี


3. แมลงหวี่ : ดอกเห็ดที่อายุมากจะมีแมลงวี่เข้ามาตอมและวางไขเป็นหนอนแล้วแพร่พันธุ์ ควรนำก้อนเชื้อชนิดนี้ออกจากโรงเพาะ


4. โรคจุดเหลือง: พบในเห็ดที่มีอายุมากที่ตกค้างในการเก็บหรือน้ำที่ใช้รดสกปรกโดยเฉพาะเมื่ออากาศร้อนจัด


5. ราเมือก : ลักษณะเป็นลายสีเหลือง มีกลิ่นคาวจัด ระบาดโดยสปอร์ ควรป้องกันโดยนำก้อนเชื้อที่หมดอายุและเศษวัสดุในเรือนเพาะออกอย่าให้เกิดการหมักหมม

ขั้นตอนการเพาะเห็ดนางฟ้า

        ขั้นตอนการเพาะเห็ดนางฟ้า


1.  สร้างโรงเรือนเพาะเห็ด


 1.1 ฝาและหลังคาของโรงเรือนสามารถมุงด้วยจาก หญ้าคา หรือกระเบื้อง ขอให้สามารถเก็บความชื้นได้ดีเป็นใช้ได้


 1.2 พื้นที่โรงเรือนควรเป็นคอนกรีตหรือทราย ไม่ควรเป็นดินเพราะจะทำให้แฉะได้ภายหลัง มีประตูที่สามารถลำเลียงก้อนเชื้อเข้าออกได้สะดวก มีช่องระบายอากาศออกได้


 1.3 ชั้นวางก้อนเชื้อนิยมทำด้วยไม้ไผ่รวก ประกอบเป็นรูปตัวเอหรือรูปสามเหลี่ยมทรงสูง


2.   การปลูกเชื้อเห็ดลงถุง : เปิดจุกสำลีออกแล้วใช้เชื้อเห็ดในเมล็ดธัญพืชหยอดลงไปประมาณ 20 เมล็ดแล้วปิดด้วยกระดาษ นำไปบ่มให้เส้นใยเห็ดเดินต่อไป การบ่มเส้นใยจะใช้เวลา 25 – 30 วัน


3.   การเปิดดอก: เมื่อเส้นใยเห็ดเดินเต็มถุงหรือใช้เวลาในการบ่มได้ดีแล้ว นำถุงก้อนเชื้อเห็ดเข้าไปในโรงเรือน เปิดดอกและดึงกระดาษหน้าถุงออก เพิ่มความชื้นภายในโรงเรือนให้ได้ในประมาณ 80 -85 โดยการฉีดพ่นน้ำเป็นละอองฝอยวันละ 2-3 ครั้ง จากนั้นประมาณ 7-10 วัน ดอกเห็ดจะเริ่มออกและเก็บได้ ก่อนเก็บผลผลิตควรงดการให้น้ำเพราะเห็ดจะเปียกชื้น


4.   การเก็บเกี่ยว : ดึงดอกเห็ดที่ออกจากหน้าถุงเมื่อโตเต็มที่แต่อยู่ในระยะที่ยังไม่บาน สังเกตจากขอบดอกเห็ดที่ยังงุ้มอยู่ ดึงดอกเห็ดให้หลุดออกจากถุงทั้งกลุ่มไม่ให้เหลือโคนติดที่ถุง เพราะจะทำให้หน้าถุงเน่าและมีเชื้อราอื่นหรือแมลงอื่นเข้าทำลาย

ความรู้เกี่ยวกับเห็ดนางฟ้า (ภูฐาน)

เห็ดนางฟ้า



1. ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับเห็ด


1.1 เห็ดเป็นราชั้นสูง เพราะมีวิวัฒนาการสูงกว่าราชนิดอื่น ๆ และมีวงจรชีวิตที่สลับซับซ้อนกว่าเชื้อราทั่วไป เริ่มจากสปอร์ซึ่งเป็นอวัยวะหรือส่วนที่สร้างเซลขยายพันธ์ เมื่อตกไปในสภาพแว้ดล้อมที่เหมาะสมจะงอกเป็นใยและกลุ่มใยรา เจริญพัฒนาเป็นกลุ่มก้อน เกิดเป็นดอกเห็ดอยู่เหนือพื้นดิน บนต้นไม้ ขอนไม้ ซากพืช มูลสัตว์ ฯลฯ เมื่อดอกเห็ดโตขึ้นก็จะสร้างสปอร์ซึ่งจะปลิวออกเป็นใยราและเป็นดอกเห็ดได้อีก


1.2 เห็ดมีบทบาทในการรักษาสิ่งแวดล้อมผ่านกระบวนการย่อยสลายสิ่งตกค้างจากซากพืช ซึ่งเป็นการลดปริมาณของเสียที่เกิดจากพืชและสัตว์โดยธรรมชาติ ฉะนั้นการเพาะเห็ดจึงทำได้ง่ายเพราะสามารถนำวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเช่น ขี้เลื่อย ฟางข้าว เปลือกมันสำปะหลัง ฯลฯ มาใช้ในการเพาะเห็ดได้


2. ชื่อและถิ่นกำเนิดของเห็ดนางฟ้า


“เห็ดนางฟ้า” เป็นชื่อที่ตั้งขึ้นในประเทศไทย คนไทยบางคนเรียกเห็ดนางฟ้าว่า “เห็ดแขก” เนื่องจากมีถิ่นกำเนิดแถบเทือกเขาหิมาลัย กล่าวคือมีผู้พบเห็นครั้งแรกว่าเห็ดนี้ขึ้นตามธรรมชาติบนตอไม้เนื้ออ่อนที่กำลังผุในแถบเมืองเจมมู (Jammu) บริเวณเชิงเขาหิมาลัย มีชื่อวิทยาศาสตร์คือ Pleurotus sajor-caju (Fr.) Singer และมีชื่อสามัญว่า Sajor-Caju Mush room


3. เห็ดนางฟ้าเป็นเห็ดในสกุลนางรมเช่นเดียวกันกับเห็ดเป๋าฮื้อ ฉะนั้นลักษณะดอกเห็ดจึงคล้ายดอกเห็ดเป๋าฮื้อ ด้านบนของดอกมีสีขาวนวลถึงสีน้ำตาลอ่อน หมวกดอกเนื้อแน่นสีคล้ำ ก้านดอกสีขาวขนาดยาวไม่มีวงแหวนล้อมรอบ ครีบดอกสีขาวเส้นใยค้อนข้างละเอียด เมื่อเปรียบเทียบกับเห็ดเป๋าฮื้อสีของเห็ดนางฟ้าจะอ่อนกว่า กลีบดอกอยู่ชิดกันมากกว่า ในอินเดียมีขนาดตั้งแต่ 5 – 14 เซนติเมตร และมีน้ำหนักอยู่ระหว่าง 30 -120 กรัม ส่วนเห็ดนางฟ้าในประเทศไทยที่เพาะโดยโครงการส่งเสริมการค้าและการเพยแพร่ความรู้ที่มูลนิธิปราณี โอสถานนท์ ให้ความสนับสนุนมีขนาด 13.5 เซนติเมตร และมีหนัก 2 กรัม



4. ประวัติการเลี้ยงและการนำเห็ดนางฟ้าและเห็ดสายพันธ์อื่น ๆ เข้าประเทศไทย


4.1 เห็ดนางฟ้าถูกนำไปเลี้ยงในอาหารวุ้นในประเทศอินเดียเป็นครั้งแรกใน พ.ศ. 2496 หรือ 61 ปี มาแล้ว กองวิจัยโรคพืช กรมวิชาการเกษตรเป็นผู้นำเชื้อมาทดลองในประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ 2520 ผลการทดลองแสดงว่าเห็ดสามารถเติบโตได้ดี


4.2 นอกจากนั้นแล้วยังมีผู้นำเห็ดจากประเทศภูฐานเข้ามาเผยแพร่ในประเทศไทยคือเห็ดนางฟ้าภูฐาน ซึ่งมีหลายสายพันธ์และเป็นที่นิยมกันมากในการเพาะเห็ดเพื่อการค้า


5. สรรพคุณของเห็ดนางฟ้า


5.1 สรรพคุณทางยา : ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง ลดไขมันในเส้นเลือด


5.2 คุณค่าทางอาหาร : เห็ดรับประทานได้ทุกชนิดมีคุณค่าทางอาหารสูงกว่าพืชผักหลายชนิด เห็ดนางฟ้า 100 กรัม ให้พลังงาน 35 กิโลแคลอรี ประกอบด้วยโปรตีน 23 กรัม ไขมัน 0.3 กรัม คาร์โบไฮเดรท 5.7 กรัม ในอะชิน 2.5 มิลลิกรัม


5.3 การใช้เห็ดนางฟ้าในการปรุงอาหาร : เห็ดนางฟ้ามีเนื้อแน่น รสหวานอร่อย เวลานำไปปรุงอาหารมีกลิ่นหอมชวนรับประทาน ใช้ในการปรุงอาหารได้หลายชนิดเช่น ชุบแป้งทอด ผัด ห่อหมก ยำ เมี้ยง แหนมสด ใส่ในต้มโค้งหรือต้มยำ ทำเห็ดแดดเดียวและนำไปตากแห้งเก็บไว้เป็นอาหารได้ ฯลฯ